Thursday, December 30, 2010

Mark Zuckerberg ผู้สร้างFacebook ถูกยกย่องเป็นบุคคลแห่งปี 2010 จากนิตยสารTIME

Mark Zuckerberg ผู้สร้างFacebook ถูกยกย่องเป็นบุคคลแห่งปี 2010 จากนิตยสารTIME: "Mark Zuckerberg ผู้สร้างFacebook ถูกยกย่องเป็นบุคคลแห่งปี 2010 จากนิตยสารTIME
Mark Zuckerberg หรือผู้สร้างตำนาน Facebook ที่หลายๆคนจะปฎิเสธไม่ได้ว่าต้องมี Account ไม่ว่าจะไปไหนต่อไหนก็ต้องเข้า Facebook อัพเดทสถานะกัน ตอนนี้เค้าได้รับการยกย่องจากนิตยสาร TIME ให้เป็นบุคคลแห่งปี 2010 มาดามยอมรับเลยว่า Mark เค้าเป็นคนเก่งมากๆ ทำให้เพื่อนมาดามไม่เคยเจอเพื่อนสมัยอนุบาล Facebook ทำให้เจอกันได้แปลกจริงฮ่าๆ เก่งเนอะ อะลิ้งค์ไปอ่านข่าวกันดูได้



http://www.time.com/time/specials/packages/article/0,28804,2036683_2037183,00.html
"



Tuesday, June 15, 2010

กสิกรไทย สนับสนุนลูกค้าใช้โฆษณาผ่าน กูเกิลออนไลน์ (Google)



ธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับกูเกิล เสิร์ชเอนจิ้น (Google Search) อันดับหนึ่งของโลก จัดแคมเปญสนับสนุนธุรกิจให้กับลูกค้าผู้ประกอบการที่ต้องการใช้ช่องทางออนไลน์ในการโฆษณาเว็บไซต์สินค้าของตน เพิ่มช่องทางในการทำการตลาดแนวใหม่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยการใช้บริการโฆษณาออนไลน์ Google AdWords ด้วยเครดิตค่าโฆษณาฟรี พร้อมบริการจัดทำหน้าแคมเปญโฆษณามูลค่า 10,000 บาท เมื่อชำระค่าโฆษณา 3,500 บาท ผ่าน K-Credit Card หรือ K-Web Shopping Card ลูกค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนสมัครรับโปรโมชั่นได้ที่
www.google.co.th/kbank   ตั้งแต่วันนี้-31 กรกฎาคม 2553


Sunday, June 6, 2010

LinkedIn ทำได้ดีกว่า Facebook ทั้งรายได้ และกำไร


LinkedIn เป็นเว็บไซต์สังคมออนไลน์อีกเว็บหนึ่งผู้คนนิยมเข้าไปสร้าง profile การใช้งาน  ซึ่งจะเป็นสังคมออนไลน์สำหรับ Professional หรือคนทำงาน
ตลอดเวลาที่เปิดให้บริการมา 3-4 ปี  ตอนนี้ LinkedIn มีรายได้และทำกำไรมาแล้ว 2 ปี  ซึ่งต่างจากเว็บไซต์ Social Network อื่นๆ อย่าง Facebook, MySpace และ Twitter ที่ยังคงหาทางทำรายได้อยู่
มูลค่าของ LinkedIn ตอนนี้อยู่ที่ $1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และสร้างรายได้ได้ถึง $100 ล้านเหรียญ  โดยรายได้ส่วนหลักมาจากการขายโฆษณาบนเว็บไซต์ ค่าบริการจาก premium accounts และจากการ post หางานในเว็บไซต์  ทำให้ปีนี้ LinkedIn มีแผนที่จะขยายบริษัทอีก 50% ในปีนี้
ตามตัวเลขของ LinkedIn พบว่ามีสมาชิกสมัครเข้าใช้งานในเว็บไซต์ในทุกๆ วินาที หรือ 1 สมาชิก ต่อ 1 วินาที และวันนี้ LinkedIn มีสมาชิกแล้วกว่า 48 ล้านคน  ตัวเลขอาจจะดูไม่มากนักเมื่อเทียบกับ Facebook, MySpace และ Twitter  แต่หากเปรียบคุณภาพของสมาชิกที่ใช้งาน LinkedIn เหนือกว่ามาก     เนื่องจากสมาชิกของ LinkedIn นั้นล้วนเป็นพนักงานบริษัท และมีระดับผู้บริหารอยู่ในนั้นมากทีเดียว  ทำให้วันนี้ LinkedIn ถูกขนานนามว่าเป็น Online Social Networking Site แห่งเดียวสำหรับคนทำงานและผู้บริหาร (Proffessionals)  รวมถึงผู้บริหารของ 500 อันดับบริษัทของนิตยสาร Fortune ด้วย
สำนักข่าว Reuters เคยพูดถึง LinkedIn ว่า
“…เป็นหนึ่งบริษัทใน Silicon Valley ที่น่าจะได้เข้าตลาดหลักทรัพย์  แต่ผู้ก่อตั้ง LinkedIn (Reid Hoffman และ Weiner) บอกว่า  เขายังไม่รีบร้อนที่จะเข้าตลาด  แล้วทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ต้องการเพิ่มทุนจากบริษัทใด เพราะรายได้และกำไรตอนนี้สามารถคลอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมด รวมถึงการขยายบริษัทในอนาคตอีกด้วย”  แจ่มจริงๆ
สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นกับ LinkedIn ก็ดูวิดีโอชิ้นนี้ได้เลย  เป็นวิดีโออธิบายว่า LinkedIn คืออะไร ตามสไตล์วิดีโออธิบาย Social Networking Site ทั่วไป (เข้าไปดูตาม link ได้เลยนะครับ)


http://www.youtube.com/watch?v=IzT3JVUGUzM


Thursday, June 3, 2010

สร้าง Awareness ผ่าน Social Game

ช็อคโกแลต Mini Bis Chocolate จาก Kraft Foods  สร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ หรือ Brand Awareness ผ่าน Happy Harvest (Social Game ที่มีวิธีเล่นเหมือน FarmVille)
ไอเดียการทำโฆษณาผ่าน Social Game ชิ้นนี้ แจกเมล็ดโกโก้เป็นของขวัญให้กับผู้เล่นเกม ทั้งบน Orkut (Social Network อันดับหนึ่งของประเทศบราซิล)  เมล็ดโกโก้จะทำ surprise คือ หลังจาก 48 ชม. เมล็ดโกโก้นี้จะเติบโตเป็น “ต้นช้อคโกแลต” ซึ่งมาพร้อมกับการออกผลของผลิตภัณฑ์ ‘Mini Bis Chocolate’    ผู้เล่นสามารถปลูก เก็บเกี่ยว ได้เหมือนต้นไม้ต้นอื่นในฟาร์ม และเพื่อให้เข้ากับ concept ของ ’Trust No One’ ซึ่งเป็นการสื่อสารของแบรนด์สินค้า ต้นช้อคโกแลตนี้จึงถูกออกแบบมาให้ชาวไร่คนอื่นมาขโมยได้
วัตถุประสงค์ของการใช้สื่อ Social Games นี้ ค่อนข้างชัดเจน คือสื่อสารสินค้าใหม่สู่กลุ่มผู้ใช้ Social Network  และผลลัพท์ที่ได้นั้น คือต้นช็อคโกแลตถูกปลูกมากกว่า 25 ล้านต้นในสัปดาห์แรก เรียกว่าหว่านเมล็ดพันธุ์ได้ถึงกลุ่มเป้าหมายจริงๆ





Tuesday, June 1, 2010

อาร์เอส...ออนไลน์



จัดเป็นค่ายเพลงที่เกาะเกี่ยวกับกระแสดิจิตอลต่อเนื่อง ยิ่งแนวโน้มการใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น แต่คนดูทีวีลดลงด้วยแล้ว ค่ายเพลงรายนี้จึงไม่ยอมตกขบวนรถด่วนขบวนนี้


โจทย์ใหญ่ที่ทีมงานกลุ่มนี้ ซึ่งนำโดย ยรรยง อัครจินดานนท์ รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ของอาร์เอส ได้รับจาก เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ คือ การสร้างช่องทางใหม่ เพื่อเข้าถึงลูกค้าวัยทีน โดยกลุ่มเป้าหมายต้องชัดเจน แม้จะไม่มุ่งหวังรายได้ในช่วงต้น แต่ต้องเลี้ยงตัวเองได้

zheza.com, youdomv.com และ pleng.com เป็น 3 เว็บ ที่ยรรยงและทีมงานเชื่อว่าสามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้ทุกข้อ

เด็กสาววัยทีนอายุ 12-17 ปี คือกลุ่มเป้าหมาย ของเว็บไซต์ “zheza.com” ที่เปิดตัวมาได้ 8 เดือนเต็ม ด้วยยอดสมาชิก 4 แสนคน ทำให้ทีมงานค่อนข้างมั่นใจกับอนาคตของเว็บไซต์นี้

ทั้งรูปลักษณ์ เนื้อหา และกิจกรรม ทีมงานต้องเลือกสรรให้ตอบโจทย์โดนใจเด็กสาววัยทีน ผ่านเกมออนไลน์ แฟชั่น ช้อปปิ้งออนไลน์ แชตรูม ให้คำปรึกษา สอบตก แฟนทิ้ง ทะเลาะกับพ่อแม่ มีพี่อูซี่ (uzi) ซึ่งเป็น Web Master คอยให้คำปรึกษา และที่ขาดไม่ได้คือ การจัดกิจกรรม คอนเสิร์ต

ถ้าเมืองนอกมี youtube.com ให้คนชื่นชอบดู มิวสิกวิดีโอเท่ๆแล้ว อาร์เอสก็หวังว่า youdomv.com จะเป็นพื้นที่ใหม่ให้ผู้ที่ชื่นชอบมิวสิกวิดีโอ ตัวอย่างภาพยนตร์ งานอีเวนต์ ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง ถ่ายแฟชั่น กองถ่าย ตลอดจนการประกวด MV ไม่ใช่แค่ดู แต่ยังสามารถก๊อบปี้โค้ดวิดีโอคลิป นำไปใส่ในบล็อก คือ ใส่ใน hi5 ได้ง่ายๆ

ธุรกิจในยุคดิจิตอล การก๊อบปี้เพลง และหนังเป็นเรื่องปกติ โมเดลธุรกิจต้องเปลี่ยนไป ยิ่งมิวสิกวิดีโอถูกแพร่หลายไปมากเท่าใด ย่อมเป็นผลดีต่อค่ายเพลง เพราะผลตอบแทนไม่ได้อยู่ที่รายได้จากการขายเพลง แต่เป็นการหาสปอนเซอร์ที่มาร่วมจัดกิจกรรม เช่น การประกวด MV การสอนทำมิวสิกวิดีโอ

“YouTube เป็นแค่เวที แต่เรามีอย่างอื่นให้เขามากกว่า เราจัดประกวด ให้คนมาร่วมงานกับเรา มีผู้เชี่ยวชาญมาสอน ให้เขาได้ความรู้กลับไป และเชื่อมกับมีเดียอื่นๆ อย่างทีวี นั่นคือสิ่งที่อาร์เอสจะได้”

อีกเว็บที่ทีมงานเชื่อมั่นไม่แพ้กัน ก็คือ pleng.com คือ เว็บไซต์ล่าสุด ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ชายวัย 15-25 ปี กำหนดให้บริการปลายปี 2550 เว็บนี้อาร์เอสตั้งความหวังไว้เป็นคลังเพลงในโลกออนไลน์ เป็นที่ชุมชนคนรักเพลง และเป็นสโตร์ขายเพลงออนไลน์

เว็บไซต์นี้ จึงมีทั้งการ พูดคุยและการสอนเกี่ยวกับทำเพลง จากศิลปินมีชื่อ และมือเก๋า มาแชตให้ความรู้ และการเป็นร้านขายเพลงออนไลน์ ให้กับศิลปินเพลงใต้ดินไม่สังกัดค่ายไหนมาใช้บริการ โดยมีจุดขายอยู่ที่ระบบส่วนแบ่งรายได้ และการโปรโมตด้วยการจัดมินิคอนเสิร์ต

ประสบการณ์ในธุรกิจเพลง ทำให้พวกเขาเรียนรู้ปัญหาของการขายเพลงออนไลน์ ระบบขายเพลงของที่นี่จึงไม่มีระบบการป้องกันการก๊อบปี้ หรือระบบ DRM

“ในความเป็นจริงเราไม่มีทางป้องกันการก๊อบปี้ได้ สิ่งที่เราต้องทำ การสร้างคอมมูนิตี้ ก่อน ซื้อไม่ซื้อไว้ทีหลัง”

ชื่อเว็บ กลุ่มเป้าหมาย เงินลงทุน รายได้ (ล้านบาท)
zheza.com เด็กสาว 12 -17 ปี 9 21.1
youdo.com 12-25 ปี 10 14
pleng.com ผู้ชาย 15-25 ปี 15 18

Did you know?
- 58% ของคนไทย เคยซื้อ MP3
- 57% ของคนไทย เคยซื้อของออนไลน์
- 56% ของคนไทยเคยเช็กหุ้น และซื้อขายหุ้นออนไลน์




Sunday, May 30, 2010

Oriental Princess ติดใจออนไลน์


สำหรับโอเรียนทอล พริ้นเซส นับเป็นแบรนด์เครื่องสำอางประเภท Specialty Store ที่มีการทำการตลาดแบบครบเครื่อง โดยเฉพาะการใช้สื่อในรูปแบบผสานกันระหว่างภาพยนตร์โฆษณาและเว็บไซต์ โดยหลังจากความสำเร็จของคอลเลกชั่นพิเศษอย่าง Avatar ที่ใช้สื่อออนไลน์อย่างจริงจัง เมื่อคลอดคอลเลกชั่นพิเศษ “มายา” จึงเลือกเดินตามรอยความสำเร็จดังกล่าวอย่างไม่ผิดเพี้ยน

“เนื่องจากใช้สื่อออนไลน์แล้วได้ผลทั้งในแง่ของ Viral ยอดขาย และผลรางวัลที่ได้ทั้งจาก Adman ประเภท Campiagn for Viral Advertising และ B.A.D. Award ประเภท Website Designแสดงให้เห็นว่าเราใช้สื่อได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่” พาสนา อินทราทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอ.พี.เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด บอก

ครั้งนี้ Limited Edition ของกลุ่มสีสันใช้ชื่อว่า “มายา” ซึ่งอัดงบการตลาดกว่า 50 ล้านบาท เพื่อผลักดันยอดขายในกลุ่มสีสันและน้ำหอม โดยยังคงใช้สื่อหลักเป็นภาพยนตร์โฆษณาอยู่ ซึ่งคงสไตล์หนังที่สวยงามและเทคนิคการถ่ายทำพิเศษเช่นเคย

นอกจากนี้แล้วยังมีสื่อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อย่าง www.orientalprincess.com/mayaacademia ผลงานของ JWT เช่นเคยที่นำเสนอในรูปแบบของ มายา อะคาเดเมีย โรงเรียนสอนศาสตร์เสน่ห์แห่งการใช้สีและกลิ่น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คลิปสอนวิธีการเลือกสีที่ใช้ในการแต่งหน้า รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อให้ตัวเองดูดี โดยมีนักแต่งหน้ามืออาชีพ และกูรูด้านไลฟ์สไตล์มาให้คำแนะนำและสอนเทคนิคต่างๆ

ทั้งนี้จะวางจำหน่ายมายาในระยะเวลา 6 เดือน ในราคาตั้งแต่ 135-565 บาท แต่พาสนาบอกว่า ยอดขายจะพีคในช่วง 3 เดือนแรก และคาดว่ายอดขายในกลุ่มสีสันจะเติบโตขึ้น 8% และทำยอดขายได้ 100 ล้านบาท มากกว่า Avatar ที่ปิดยอดขาย 80 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นยอดขายในระดับสูงเมื่อเทียบกับการเปิดตัว Limited Edition ในกลุ่มสีสันก่อนหน้านี้ที่ทำยอดขายเฉลี่ย 30 ล้านบาท เนื่องจากไม่ได้ใช้สื่อออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบในการเข้าถึงผู้บริโภค

ผลงานของมายาจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เป้าหมายในการผลักดันยอดขายในปี 2553 ถึงเป้าที่ 3,250 ล้านบาท มากกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งปิดที่ 3,012 ล้านบาท แม้โดยธีมแล้วมายาจะไม่แรงเท่ากับ Avatar ที่หยิบยกเอาเรื่องธาตุมาเป็นคอนเซ็ปต์ก็ตาม


Key to Success
1.CRM ผ่านกิจกรรมโรดโชว์ เวิร์คช็อป เพื่อขับเคลื่อนยอดขายด้วยสมาชิกเป็นหลัก โดยมียอดขายจากสมาชิกเติบโต 29% และจะมีสมาชิกครบ 1 ล้านคนในปีนี้ โดยปัจจุบันมี 765,000 บาท
2.เพิ่มช่องทางจำหน่าย ด้วยการขยายสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น โดยปัจจุบันมี 279สาขา เตรียมขยายอีก 20 สาขา โดย 15 สาขาเป็นต่างจังหวัด และ 5 สาขาเปิดในกรุงเทพฯ ซึ่งลงทุนเฉลี่ย 2.5 ล้านบาทต่อสาขา โดยปัจจุบันมียอดขายจากต่างจังหวัด 45%
3.สื่อสารการตลาดครบวงจร โดยเฉพาะสื่อออนไลน์
4.Price Positioning แบบ Affordableเพื่อสอดรับกับกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมายนักศึกษาและคนวัยทำงาน เริ่มต้น โดยมีราคาต่ำกว่าร้านเครื่องสำอางแบบ Specialty Store อื่นๆ อย่าง เดอะ บอดี้ ช็อป

สัดส่วนรายได้ของโอเรียนทอล พริ้นเซส ปี 2552 (by category)
ผิวพรรณ (Facial) 34%
สีสัน (Colors) 34%
ร่างกายและเส้นผม (Body&Hair) 22%
ไลฟ์สไตล์ (Perfume) 10%

Credit by web Positioning



Friday, May 28, 2010

News Google (Ad Extension)

วันนี้มีข่าวสารเกี่ยวกับ Google Adwords มาฝากนะครับad extensions เพื่อนๆ อาจะไม่ค่อยคุ้นหูกันเท่าไรใช่ไหมครับตัวนี้จะเป็น ad รูปแบบใหม่ของ Google adwords ซึ่งปรกติในหน้า search ของ google เราจะเห็นโฆษณาส่วนใหญ่เป็นรูปแบบText (ข้อความ) ซึ่ง ad extensions นี้จะพิเศษกว่า ad text
รูปแบบเก่าก็คือ มันสามารถใส่ แผนที่ สินค้า หรือแม้กระทั้ง video อธิบายอย่างนี้
อาจจะไม่ค่อยเห็นภาพกันนะครับลองดูจาก Vedio ด้านล่าง





Friday, May 21, 2010

พนักงานบริษัทไหนใช้ social media มากสุด

Flowtown ขยันทำ Infographic ออกมาให้เราได้ชมกันเรื่อยๆ ล่าสุดได้รวบรวมข้อมูลจาก NetProspex เกี่ยวกับพนักงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ นั้นใช้เว็บไซต์สังคมออนไลน์ หรือ Social Media มากน้อยอย่างไร มีเรียงลำดับมาให้ดูกันด้วย

นอกจากนี้ยังมีการลำดับคะแนน ของการใช้ Twitter โดยเปรียบเทียบจากจำนวนข้อความ Tweets และจำนวน Followers เปรียบเทียบจากพนักงานของแต่ละบริษัท ว่าพนักงานบริษัทใดใช้ Twitter มากที่สุด และสุดท้ายคือเว็บไซต์ Social Network ใดที่พนักงานเป็นสมาชิกมากที่สุด

ในนี้เราจะเห็น Trend ของคนอเมริกาว่าเค้าแทบจะไม่นิยมใช้ tweeter แล้ว



Sunday, May 16, 2010

การติดตามข่าวสารยุคปัจจุบัน


พอดีไปเจอบทความที่น่าสนใจเลยลองมา share ใ้ห้เพื่อนๆดูนะครับ

คงไม่มีใครเถียงแล้วว่า Internet ได้กลายเป็นสื่อแรกที่คนนึกถึงเวลาต้องการเสพข่าวในแบบที่ว่องไว และหลากหลาย การอ่านข่าวบน Internet เป็นที่นิยมมากขึ้นทุกวัน ทั้งสำหรับต่างประเทศและคนไทย และเป็นสิ่งที่ทำให้คนใช้ Internet มากขึ้นด้วยเช่นกัน

Infographic ตามภาพ เป็นการแสดงพฤติกรรมของคนอเมริกันว่าใช้สื่อในการติดตามข่าวสารอย่างไร โดยให้ชื่อภาพนี้ว่า ”Who is the Modern Media Consumer?” จัดทำขึ้นโดย Flowtown

เริ่มต้นจากจำนวน 92% ของคนอเมริกันติดตามข่าวสารจากหลายช่องทาง หรือทุกสื่อที่มี เช่น ทีวี วิทยุ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ และหนังสือพิมพ์ ซึ่งเมื่อก่อนจะมีเพียง 3 สื่อหลักเท่านั้น คือ ทีวี วิทยุ และหนังสือพิพม์ แต่เมื่อพลังของข่าวสารบน Internet มีมากขึ้น และเป็นที่ยอมรับมากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจกับตัวเลขที่มากขนาดนี้ นอกจากนี้ ในภาพยังเปรียบเทียบ % การใช้สื่อต่างๆ และยังลงลึกถึงการใช้งานผ่านทาง Internet ว่าข่าวประเภทใหนที่พวกเขาติดตาม รวมถึงกิจกรรมที่ทำต่อข่าวที่พบเจอ

ถึงแม้ภาพนี้จะแสดงพฤติกรรมของคนอเมริกัน ซึ่งไม่ใช่คนไทย ก็ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลนี้นำมาใช้งานไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่า หลายสิ่งอย่างได้เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศก่อน และตามมาด้วยพฤติกรรมของคนไทยที่สอดคล้องกัน เพียงแต่จะเกิดขึ้นช้ากว่า

ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจจะไปใช้ในทางการตลาดได้

web credit www.marketingoops.com




Custom Search